วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข้อมูลการท่องเที่ยวอียิปต์


อียิปต์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นอกจากจะชมโบราณสถานตามริมแม่น้ำไนล์ ตลาดเก่าในกรุงไคโรแล้ว ยังเดินทางไปเที่ยวชมภูเขาในคาบสมุทรซีไนและชายหาดริมทะเลแดงด้วย สำหรับไคโรก็เยี่ยมชมปิรามิดและสฟิงคส์ที่กีซา (Giza) และปิรามิดขั้นบันไดที่ ซักการา (Saqqara) และยังชมพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อศึกษาอิยิปต์โบราณ 

การล่องเรือชมโบราณสถานริมฝั่งแม่น้ำไนล์จำนวนมากที่เก่าแก่ 2,000-4,000 ปี ย่อมเป็นสถานที่ที่ผู้คนชอบมากที่สุด เมืองลุกซอร์ (Luxor) ซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศห่างจากกรุงไคโร 1 ชั่วโมง ด้วยเครื่องบิน เป็นเมืองที่มีวิหารและหุบผากษัตริย์ที่จารึกประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ เมืองอัสวาน (Aswan) เป็นเมืองที่แม่น้ำไนล์สวยงามที่สุด จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถบินต่อไปยังอาบูซิมเบล (Abu Simbel) ที่อยู่ทางใต้สุดของอียิปต์เพื่อชมวิหารที่มีรูปปั้นขนาดมหึมาที่สง่าและอร่ามตาปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถไปชมแหล่งน้ำ (Oasis) ที่อยู่กระจัดกระจายในทะเลทรายหลายแห่งด้วย



 สภาพภูมิอากาศ
กลางวันและกลางคืนในอียิปต์มีอุณหภูมิแตกต่างกันมาก อียิปต์มีภูมิอากาศแบบ ร้อน แห้ง และอากาศหนาวระดับปานกลาง แบ่งเป็น 4 ฤดู ดังนี้ คือ
  • ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิ 15-32 °C
  • ฤดูร้อน (มิถุนายน -สิงหาคม) อุณหภูมิ 21-43 °C
  • ฤดูใบไม่ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิ 19-34 °C
  • ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิ 8-20 °C เป็นเดือนที่อาจมีฝนตก แต่ปริมาณน้ำฝนใม่มากนัก เฉลี่ย 42 มม.
 เวลา
เดือนตุลาคม – เมษายน เวลาในประเทศอียิปต์ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง (+3 เวลากรีนิช)
เดือนพฤษภาคม-กันยายน เวลาในประเทศอียิปต์ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง (+2 เวลากรีนิช)

 ภาษา
ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ และภาษาต่างประเทศที่ใช้ทั่วไปได้แก่ ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส

 เงินตรา
สกุลเงินอียิปต์เรียกว่าปอนด์อียิปต์ หรือ Egyptian Pound (LE) รหัสสากล คือ EGP มีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 5.66 ปอนด์อียิปต์ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 6 บาท ต่อ 1 ปอนด์อียิปต์ 

เหรียญที่ใช้ได้แก่ เหรียญ 5, 10, 20, 25, 50 ปิอาสเตอร์ และ 1 ปอนด์ 
ธนบัตรที่ใช้ได้แก่ ธนบัตร 5, 10, 25, 50 ปิอาสเตอร์, 1, 5, 10, 20, 50, 100 และ 200 ปอนด์ และสามารถแลกเงินเป็นของไทยได้ 5 บาทต่อ 10 ปิอาสเตอร์
 ระบบไฟฟ้า
อียิปต์ใช้กระแสไฟฟ้าแบบ 220 V ความถี่ 50 Hz ปลั๊กเป็นแบบหัวกลม 2 ขา หากนักท่องเที่ยวต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยไปใช้ที่นั่น กรุณานำตัวแปลงปลั๊ก ที่ใช้ได้กับปลั๊กไฟทั่วโลกติดตัวไปด้วย


ตัวอย่างปลั๊กไฟในประเทศอียิปต์
 

 ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป
ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 การใช้โทรศัพท์
รหัสประเทศของอียิปต์คือ "20" อัตราค่าโทรศัพท์จากอียิปต์มาไทย ประมาณนาทีละ 40-50 บาท

วิธีการใช้โทรศัพท์จากประเทศไทย
- ติดต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ : กด 001 + (20) ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
- ติดต่อโทรศัพท์ธรรมดา : ในกรุงไคโร กด 001 + (20) 2 แล้วตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์
- ในต่างจังหวัด กดหมายเลข 001 + (20) แล้วตามด้วยรหัสเมือง (อาทิ 97 สำหรับจังหวัดอัสวานและเมืองอาบู ซิมเบล 95 สำหรับจังหวัดลักซอร์ และ 3 สำหรับจังหวัดอเล็กซานเดรีย เป็นต้น) แล้วตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์

อียิปต์มี Internet café อยู่ทั่วไปและราคาไม่แพง จึงจะสะดวกในการติดต่อทางอีเมล์ สำหรับการใช้อินเตอร์เนตมีทั้งแบบที่เปิดให้ใช้ฟรี แต่เสียค่าชั่วโมงเอง (ซึ่งค่อนข้างแพง) และอินเตอร์เน็ตความ เร็วสูงที่เสียค่าบริการเป็นรายเดือนไว้ให้บริการ ในอียิปต์มี ISP (Internet Service Provider) หลายรายซึ่งมีค่าบริการแตกต่างกันไป

 การให้ทิป
การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

 อาหารการกิน
อาหารหลักของคนอียิปต์
การกินอาหารของคนในตะวันออกกลางจะมีความแตกต่างมากกับคนในเอเชียเราและอาหารหลักของทุกชนชั้นของคนอียิปต์ นั้น คือ ขนมปัง หัวหอม พวกผักต่างๆ แล้วก็ปลาแห้ง นอกจากนี้ คนอียิปต์จะมีน้ำเชื่อมซึ่ง ทำจากผลไม้ อาทิเช่นพวก องุ่น เพื่อให้ได้รสหวานและจะกินกับขนปังซึ่งจะใช้ขนมปังจิ้มกับน้ำเชื่อม และนอกจากนั้น ยังมีการใช้ในน้ำผึ้ง เกลือ กระเทียม หัวหอม ในการปรุงรสให้อร่อยด้วย และนอกจากขนมปังแล้วเขาจะกินโยเกิตย์พร้อมๆกับเมนูอาหารหลักอีกด้วยส่วนอาหารประเภทเนื้อสัตว์นี้ก็มี สัตว์ที่นิยมรับประทานก็คือพวก เนื้อแกะ แพะ และเนื้อวัว 

อาหารประเภทกาบับ ( Kabab ) ก็เป็นเนื้อ หรือ แพะ ย่างโดยมีเหล็กแหลม เสียบชิ้นเนื้อโดยหมุนชิ้นเนื้อให้ไฟเลียไปทั่วๆ กินกับผักทั้งผักสดเช่น แตงกวา มะเขือเทศ ต้นหอม กับผักดองเช่น แตงกวา มะเขือเปาะ หัวหอม แครอท

 รายการช้อปปิ้ง
น้ำหอม คริสตัล กระเป๋าสตางค์ทำจากหนังอูฐ พรมทอมืออียิปต์ ของที่ระลึกอื่นๆ เช่น Cartouche (คาร์ทูช), ชิชา Water Pipe, ตุ้กตาอูฐ,ที่คั่นหนังสือที่ทำจากกระดาษปาปิรุส, แบบจำลองโรงศพทองคำของตุตันคามุน เป็นต้น

 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
  • หมู่พีระมิดแห่งกิซ่า
  • พีระมิดโซเซอร์
  • พีระมิดหักงอ
  • พีระมิดแดง
  • วิหารลักซอร์
  • คลองสุเอซ
  • ไคโร
  • เมืองเมมฟิส
  • เมืองอเล็กซานเดรีย
  • ฯลฯ
 เทศกาลสำคัญ
  • วันชาติ วันที่ 23 กรกฎาคม เป็นวันชาติ (Revolution Day) ของอียิปต์
  • วันประกาศเอกราชจากอังกฤษ วันที่ 28 กุมภาพันธ์เป็นวัน ประกาศเอกราชจากอังกฤษ (เมื่อปี 2465)
  • รอมฎอน ช่วง Ramadan (ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม) เป็นช่วงถือศีลอด หน่วยงานของอียิปต์ไม่สะดวกในการต้อนรับคณะมากนักหากนักท่องเที่ยวเดินทางมา อียิปต์ในช่วงนี้ก็จะได้สัมผัสสภาพชีวิตของช่วงการถือศีลอดของชาวอียิปต์
  • เทศกาลอีดิลฟิตตรี้ อีดิลฟิตรี (Eid-ul-Fitr) ถือเป็นวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งของชาวมุสลิม หลังสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมะฎอนเป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือน ชาวมุสลิมจึงมีการเลี้ยงฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ภายในครอบครัว ญาติมิตร และเพื่อนฝูง บ้างก็พาครอบครัวออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน มาเที่ยวและจับจ่ายซื้อข้าวของกันอย่างสนุกสนานในวันนี้

By.http://www.thaitravelcenter.com

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข้อมูลการท่องเที่ยวแอฟริกา


แอฟริกาใต้ ประเทศแอฟริกาใต้ หรือ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นประเทศอิสระที่อยู่ตอนปลายทางใต้สุดของทวีปแอฟริกา มีพรมแดนติดกับ ประเทศนามิเบีย ประเทศบอตสวานา ประเทศซิมบับเว ประเทศโมซัมบิก และ ประเทศสวาซิแลนด์ ส่วนประเทศเลโซโท (Lesotho) เป็นดินแดนที่ถูกล้อมรอบทุกด้านด้วยอาณาเขตของประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งยังเป็นประเทศส่งออกเพชรและ ทองคำมีชาวพื้นเมืองผิวขาวได้แก่ ชาวแอฟริกัน ที่สืบเชื้อสายจากชาวดัตช์ ที่มาตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่มแรก ปัจจุบันมีทั้งชาวดัตช์ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ และชนเผ่าพื้นเมือง คือ ซูลู

แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นที่ 3 ของโลกที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ภูมิประเทศประกอบด้วย ชายฝั่ง ภูเขา ทะเลทราย มีผืนป่าที่เขียวชะอุ่ม และมีสัตว์ป่าที่ยังคงดำรงชีวิตอยู่ทั่วไปในแอฟริกา และยังมีอีกหลายอย่างในแอฟฟริกาใต้ ที่จะทำให้ผู้คนได้พบกับประสบการณ์ ที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป โครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นถนนทั้งสายหลักและสายรอง เดินทางได้สะดวก ตลอดทั้งเส้นทางมีความแตกต่างของวิวทิวทัศน์ ถนนสายหลักจะมีจุดพักรถ และมีบริการร้านอาหารประเภทอาหารจานด่วน แอฟริกาขึ้นชื่อในเรื่องของอากาศ ส่วนใหญ่จะมีอากาศอบอุ่น และ มีแดดจัด ในขณะที่มีที่พักที่เหมาะกับทุกอากาศและมีหลากหลายราคา


 สภาพภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศในแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่จะกึ่งแห้งแล้งด้านชายฝั่งตะวันออกจะกึ่งร้อนชื้นด้านตะวันตกเฉียงเหนือ จะแห้งแล้ง แถบเมืองเคปทาวน์จะมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อนจะร้อนและแห้ง ฤดูหนาวจะเย็นและฝนตกเนื่องจากแอฟริกาใต้ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ฤดูกาลจึงตรงข้ามกับ อเมริกาเหนือและยุโรป เรียนภาษาอังกฤษที่เคปทาวน์และรื่นรมย์กับอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
ฤดูกาลใน แอฟริกาใต้
  • ฤดูใบไม้ผลิ – กันยายน, ตุลาคม, พฤศจิกายน
  • ฤดูร้อน – ธันวาคม, มกราคม, กุมภาพันธ์
  • ฤดูใบไม้ร่วง – มีนาคม, เมษายน, พฤษภาคม
 เวลา
ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง / GMT + 2

 ภาษา
ภาษาอังกฤษ และ Afrikaans ภาษาอื่นที่ใช้ คือ Ndebele, Sotho, Swazi, Tsonga, Venda, Tswana, Xhosa, Pedi และ Zulu

 เงินตรา
สกุลเงิน South African Rand (ZAR) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า "แรนด์ (Rand)" อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 9.6 แรนด์ (ธันวาคม พ.ศ. 2551)
 ระบบไฟฟ้า
แอฟริกาใต้ใช้กระแสไฟฟ้าแบบ 230 V ความถี่ 50 Hz ปลั๊กเป็นแบบหัวกลม 3 ขา หากนักท่องเที่ยวต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทยไปใช้ที่นั่น กรุณานำตัวแปลงปลั๊ก ที่ใช้ได้กับปลั๊กไฟทั่วโลกติดตัวไปด้วย


ตัวอย่างปลั๊กไฟในประเทศแอฟริกาใต้

 ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป
ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 การใช้โทรศัพท์
รหัสประเทศของแอฟริกาใต้คือ "27"

วิธีการใช้โทรศัพท์จากประเทศไทย
กดหมายเลข 001 + (27) แล้วตามด้วยรหัสเมือง แล้วตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์

 การให้ทิป
การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

 อาหารการกิน
เรื่องอาหารในแอฟริกาใต้นั้นไม่ต้องกลัวอด เนื่องจากแอฟริกาใต้เคยเป็นเมืองในปกครองของเนเธอร์แลนด์และอังกฤษ ทำให้มีร้านอาหารฝรั่งมากมาย ส่วนใครที่ชอบทานสเต๊กเนื้อ นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่สามารถหาสเต๊กอร่อย ๆ คุณภาพไม่แพ้เนื้อจากออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ และทานได้ในสนนราคาที่ไม่แพงจนเกินไป อาหารหลักจานหนึ่งประมาณ 400-500 บาท แพงกว่าบ้านเรา แต่ก็ไม่แพงเท่าในยุโรป น้ำดื่มที่แอฟริกาใต้ ราคาประมาณ 30-40 บาท ซึ่งแพงกว่าบ้านเรามาก แต่ก็ถือว่าไม่โหดร้ายจนเกินไปถ้าเทียบกับบางประเทศในยุโรป ส่วนใครอยากลองของพื้นเมืองก็มีให้เลือกอยู่มากมาย อาหารพื้นเมืองที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวก็คือ biltong (บิลตอง) หรือเนื้อตากแห้งคล้าย ๆ กับเนื้อแดดเดียวบ้านเรา ใส่เครื่องเทศและตาก หรืออบจนได้ที่แล้วกินได้เลย เหมือนเนื้อ Jerky เรื่องกินแล้วมีพยาธิ หรือท้องร่วงนั้น ยังไม่เคยปรากฏ ส่วนอาหารอื่น ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อิตาลี มีทั่วไป หาทานได้ไม่ยาก

อาหารประเภทกาบับ ( Kabab ) ก็เป็นเนื้อ หรือ แพะ ย่างโดยมีเหล็กแหลม เสียบชิ้นเนื้อโดยหมุนชิ้นเนื้อให้ไฟเลียไปทั่วๆ กินกับผักทั้งผักสดเช่น แตงกวา มะเขือเทศ ต้นหอม กับผักดองเช่น แตงกวา มะเขือเปาะ หัวหอม แครอท

 รายการช้อปปิ้ง
สินค้าหัตถกรรม เครื่องประดับ สินค้าที่ทำจากเปลือกไข่นกกระจอกเทศ หินตามราศีต่างๆ จานหิน เป็นต้น

 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
  • เหมืองทองโบราณโกลด์รีฟซิตี้ (Gold reef city)
  • การท่องป่าซาฟารี (Safari)
  • แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope)
  • กรูทคอนสแตนเทีย (Groot Constantia)
  • เทเบิลเมาท์เทน (Table Mountain)
  • ฟาร์มนกกระจอกเทศ
  • คิมเบอร์ลี (Kimberley)
  • อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ (Kruger National Park)
  • อุทยานแห่งชาติช้างแอดโด้ (Addo Elephant Park)
  • อุทยานแห่งชาติโกลเด้นเกทไฮแลนดส์ (Golden Gate Highlands National Park)
  • เวนด้า (Venda)
By.http://www.thaitravelcenter.com

ข้อมูลการท่องเที่ยวอเมริกา


อเมริกา (America) หรือ สหรัฐอเมริกา (United States of America) เป็นสหพันธรัฐประชาธิปไตย ปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยรัฐ 50 รัฐ ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีพรมแดนต่อกับประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ส่วนพรมแดนทางทะเลนั้นติดต่อกับประเทศแคนาดา รัสเซียและบาฮามาส โดยมีมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลแบริง มหาสมุทรอาร์กติก มหาสมุทรแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และทะเลแคริบเบียนเป็นผืนน้ำล้อมรอบ

สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและ เศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง

สหรัฐอเมริกา นอกจากจะรู้จักในชื่อเต็มแล้ว ชาวอเมริกันเองรวมถึงผู้ที่มาจากประเทศอื่น ๆ ยังเรียกสหรัฐอเมริกาในหลายรูปแบบ ได้แก่ สหรัฐฯ (United States) , ยูเอส (U.S.) , ยูเอสเอ (USA) , เดอะสเตตส์ (the States) และอเมริกา (America) สำหรับคนไทยแล้ว นิยมเรียกสหรัฐอเมริกาสั้น ๆ ว่าสหรัฐฯ, อเมริกา จนไปถึงรูปแบบที่สั้นมาก ๆ คือ "มะกัน" และเรียกสหรัฐอเมริกาในเชิงฉายาว่าเป็น "ลุงแซม" รวมถึงเรียกสหรัฐอเมริกาที่เป็นมหาอำนาจที่มีอำนาจทางการเงิน และการทหารยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันในทางเสียดสีว่าเป็น "เจ้าโลก" หรือ "จ้าวโลก" อีกด้วย



 สภาพภูมิอากาศ
สหรัฐอเมริกามี 4 ฤดูกาล คือ
  • ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อากาศร้อนคล้ายเมืองไทย แต่ถ้ามีลมพัด ลมจะเย็นสบายกว่า
  • ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน อากาศจะเริ่มเย็น เพราะจะเข้าฤดูหนาว ฤดูนี้เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวมากที่สุด
  • ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อากาศหนาวมาก อุณหภูมิตั้งแต่ – 30 ํC ถึง10 ํC
  • ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม อากาศอบอุ่น
เมืองทางแถบตะวันออก ของประเทศอากาศในช่วงฤดูหนาว และฤดูร้อนจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนทางด้านชายฝั่งตะวันตกค่อนข้างจะมีฝนตกบ่อย มีหิมะตกพอสมควร ปริมาณแสงแดดก็มีไม่มากนัก ทางตอนกลางของประเทศมีหิมะตกพอสมควรถึงหนักมาก แสงแดดค่อนข้างมาก

หมายเหตุ : ในฤดูใบไม้ร่างจะมีการหมุนเข็มนาฬิกา ให้เวลาเดินหน้าเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม และในฤดูใบไม้ผลิ จะหมุนเข็มนาฬิกาให้เวลาถอยหลัง 1 ชั่วโมง โดยจะหมุนในวันอาทิตย์แรก ของเดือนเมษายน

 การขอวีซ่า
 เวลา
ด้วยประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างมาก จึงมีการแบ่งความแตกต่างของเวลาตามเส้นแบ่งของโลก เป็น 4 เขตเวลา (Time Zone) คือ
  • Eastern Time Zone (EST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 12 ชั่วโมง
  • Central Time Zone (CST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 13 ชั่วโมง
  • Mountain Time Zone (MST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 14 ชั่วโมง
  • Pacific Time zone (PST) จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 15 ชั่วโมง
ในแต่ละ Time Zone จะมีเวลาแตกต่างกัน 1 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น เวลาใน Eastern โซน เป็นเวลาบ่าย 4 โมงเย็น เวลาในเขต Central โซนจะเป็นบ่าย 3 โมงเย็น ในเขต Mountain โซนเป็นเวลาบ่าย 2 โมง และเวลาในเขต Pacific โซนจะเป็นเวลาบ่าย โมงตรง เวลาต่างจากไทย : ฝั่งตะวันออก 12 ชั่วโมง ฝั่งตะวันตก 15 ชั่วโมง

 ภาษา
ภาษาที่ใช้เป็นภาษาทางราชการคือ ภาษาอังกฤษ

 เงินตรา
ดอลลาร์สหรัฐ (United States Dollar) เป็นสกุลเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังใช้เป็นสกุลเงินสำรองในหลายประเทศทั่วโลก รหัสสากลคือ ISO 4217 ใช้ตัวย่อว่า USD และสัญลักษณ์ $ โดย 1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 100 เซนต์ (cents)

ชื่อเล่นที่ชาวสหรัฐเรียก 1 เซนต์ ว่า "เพนนี" (penny), 5 เซนต์ ว่า "นิกเกิล" (nickel), 10 เซนต์ ว่า "ไดม์" (dime), 25 เซนต์ ว่า "ควอเตอร์" (quarter), 1 ดอลลาร์สหรัฐ ($1) ว่า "บั๊ก" (buck) และเรียก หนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐ ($1000) ว่า แกรนด์ (grand)

อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 29 กันยายน 2553 อยู่ที่ประมาณ 31 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ
 ระบบไฟฟ้า
สหรัฐอเมริกามีระบบไฟฟ้าแบบ 115 Volts, 60 Cycles ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทย หากนักท่องเที่ยวต้องการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองไทยไปก็จำเป็นต้องหาซื้อ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Adapter) ไปด้วย


ตัวอย่างปลั๊กไฟในสหรัฐอเมริกา

 ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป
ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 การใช้โทรศัพท์
ในสหรัฐอเมริกามีบริการโทรศัพท์สาธารณะอยู่ทั่วไปทั้งแบบหยอดเหรียญ ใช้บัตรโทรศัพท์ รวมถึงบัตรเครดิต ซึ่งถือได้ว่ามีความสะดวกสบายอย่างมาก นอกจากนี้นักศึกษายังสามารถขอติดตั้งโทรศัพท์ภายในที่พักของตนเองได้อีกด้วย ซึ่งมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากเนื่องจากเป็นบริการขั้นพื้นฐานที่ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดให้แก่ประชาชน โดยมีองค์กรซึ่งให้บริการอยู่ 2 ประเภท คือ องค์การโทรศัพท์ท้องถิ่น และองค์การโทรศัพท์ทางไกล
  • การโทรศัพท์จากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกาก็สามารถทำได้โดยกด 001 + 1 (รหัสประเทศสหรัฐอเมริกา) + area code + หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง
  • การโทรศัพท์จากสหรัฐอเมริกากลับมาประเทศไทยทำได้โดยกด 011 + 66 (รหัสประเทศไทย) + 2 (รหัสกรุงเทพ) +หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง
สำหรับ ค่าบริการทางบริษัทที่นักศึกษาเลือกใช้บริการจะส่งใบแจ้งหนี้ให้แก่นักศึกษา เป็นรายเดือน ซึ่งในใบแจ้งหนี้จะแจ้งให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น ค่าบริการขั้นพื้นฐาน ค่าโทรศัพท์ภายในท้องถิ่น ค่าโทรศัพท์ทางไกล ซึ่งนักศึกษาสามารถชำระค่าบริการได้ที่ทำการโทรศัพท์ หรือสั่งจ่ายเป็นเช็คแล้วส่งไปทางไปรษณีย์

นอกจากนี้ยังมีบริการโทรศัพท์ทางไกลผ่านทางอินเตอร์เน็ทซึ่งมีอัตราค่า บริการค่อนข้างถูก และเป็นที่นิยมอย่างมากอีกด้วย โดยอัตราค่าบริการจะขึ้นอยู่กับประเทศที่เราต้องการจะโทรไป แต่มีข้อเสีย คือ ผู้ที่ต้องการใช้บริการในรูปแบบนี้จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ต่างๆ ครบ ซึ่งก็คือ คอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทได้ และHead Phone นอกจากนี้คุณภาพของเสียงก็จะเปลี่ยนไปตามประสิทธิภาพของอินเตอร์เน็ทอีกด้วย

 การให้ทิป
การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

ประเทศสหรัฐอเมริกามีธรรมเนียมการให้ทิป ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นในการใช้บริการต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม ส่วนมากคิดจาก 15% ของบิลนั้น (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ)

 อาหารการกิน
แฮมเบอร์เกอร์ การใช้ขนมปังขนมปังทรงกลม (Bun) หรือแซนด์วิชที่ใส่สติ๊ดแฮมเบิกและส่วนปรุงรสและส่วนประกอบอื่น ๆ (เช่นซอสมะเขือเทศ มัสตาร์ด มายองเนส ผักแก้วสลัด มะเขือเทศ หัวหอมฝรั่ง ผักชวนชิม แตงกวาดองเค็ม ชีสแห้ง ฯลฯ) ไว้ในขนมปังสองแผ่น

เฟรนฟรายด์ มันฝรั่งตัดเป็นชิ้นยาว ๆ และทอดด้วยน้ำมัน กลายเป็นอาหารชนิดหนึ่ง เป็นฟลาสฟุ๊ตประจำชนิดหนึ่ง นิยมในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป นอกนั้นอุตสาหกรรมผลิตมันฝรั่งทอด ซึ่งใช้มันฝรั่งบดเป็นผงและอัดแผ่นทอดน้ำมันอีกที

สเต็ก เสต็ก เนื้อเป็นก้อน ๆ เป็นอาหารฝรั่งที่พบบ่อย วิธีปรุงก็คือเจียนและบาร์บีคิวเป็นหลัก สเต็กมักจะไม่คุกสุกเต็มที่ ความสุกที่คุกเป็นไปตามควมาชอบของแต่ละคน

มัฟฟิน เป็น scones ชนิดหนึ่งที่มาจากประเทศเบลเยี่ยม ใช้เตาอบ waffle iron อบออกมา โดยแผ่น waffle iron ชั้นบนกับชั้นล่างมีกรอกโม แล้วแทแป้งเปียกเข้าไปอัดและอบจนแห้ง สามารถปรุงด้วยแจมรสชนิดต่าง ๆ
 รายการช้อปปิ้ง
ร้านค้าโดยทั่วไปจะเปิดให้บริการในวันจันทร์ – วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 หรือ 10.00 จนถึง 21.00 น. ในบางเมืองจะมีการเปิดให้บริการในวันอาทิตย์ด้วย ยกเว้นในวันเทศกาลสำคัญ เช่น Christmas หรือ Easter ที่ห้างร้านจะปิดบริการ ส่วนห้าง Wal-Mart เปิด 24 ชั่วโมงทุกวัน

เวลาซื้อสินค้าจะต้องเสียภาษีรวมไปกับราคาสินค้า ซึ่งอัตราภาษีในแต่ละรัฐไม่เท่ากัน เช่น สินค้าติดป้ายบอกราคา $20 เวลาจ่ายเงินจะต้องจ่าย $27 กรณีที่รัฐนั้นคิดภาษี 7%
 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
  • น้ำตกไนแองการ่า
  • ตึกเอ็มไพร์สเตต (Empire State)
  • อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ
  • วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์
  • ออลันโด
  • อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park)
  • สะพานโกลเดนเกต (Golden Gate Bridge)
  • เขื่อนฮูเวอร์
  • แกรนด์แคนยอน
  • ลาสเวกัส
  • ฮอนโนลูลู
 เทศกาลสำคัญ
  • เทศกาลปีใหม่ วันที่ 1 มกราคมเป็นวันขึ้นปีใหม่ เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนในวันส่งท้ายปีเก่า ถึงเวลาแล้วชาวอเมริกามีการนัดเจอกันเพือฉลองปีใหม่ อวยพรให้มีความสุขและเจริญเก้าหน้าซึ่งกันและกันในปีใหม่ที่มาถึงนี้
  • เทศกาลอีสเตอร์ ปกติแล้วเป็นวันอาทิตย์วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ แต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน เป็นวันที่ชาวคริสเฉลิมฉลองการคืนชีพของพระเยซูคริสต์
  • วันคริสต์มาส ในวันที่ 25 ธันวาคมเป็นเทศกาลสำคัญอีกวันหนึ่งของชาวคริสต์ เพื่อรำละลึกถึงวันเกิดของพระเยซู สำหรับชาวอเมริกาที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่การตกแต่งบ้านด้วยหลอดไฟ และซื้อต้นคริสต์ม๊าส ส่งของขวัญและบัตรอวยพรได้กลายเป็นประเพณี

By.http://www.thaitravelcenter.com

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ข้อมูลการท่องเที่ยวรัสเซีย


รัสเซีย ถูกขนานนามว่าเป็นประเทศที่ “ผู้หญิงสวยที่สุดในโลก” และ “เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก” ก็งดงามดุจราชินีแห่งยุโรป...

ด้วยความหนาวเย็น ต้องเดินทางไปช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยว คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม อากาศช่วงนี้จะเย็นสบาย ทิวทัศน์สวยมาก ต้นไม้กำลังผลิดอกเต็มไปหมด กลิ่นหอมตลบไปทั่ว เป็นช่วงที่เรียกว่า “ไวท์ไนท์” เป็นผลจากแสงของพระอาทิตย์เที่ยงคืน

การเดินทางไปเที่ยวรัสเซียก็สะดวกมากขึ้น สามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ-มอสโก ได้เลย

หากอากาศไม่หนาวจัดเกินไป การไปเที่ยวจัตุรัสแดงและพระราชวังเครมลิน พิพิธภัณฑ์และสถาปัตยกรรมเมืองหลวงในรูปแบบทรงยุโรปมีความอลังการและมีเสน่ห์อย่างพลาดไม่ได้ สัมผัสกับความหลายหลากของอารยธรรมแห่งดินแดนหมีขาว



 สภาพภูมิอากาศ
เขตภูมิอากาศที่มีความหลากหลาย และแตกต่างระหว่างกันอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศรัสเซียมีฤดูหนาวที่ยาวนาน อากาศหนาวจัด รวมทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ถูกปกคลุมด้วยหิมะเป็นเวลานานถึง 6 เดือนกันเลยทีเดียวนอกจากนี้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการติดต่อทางธุรกิจและราชการกับชาวรัสเซียคือ ตั้งแต่เดือน กันยายนถึงกลางเดือนธันวาคม และกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมิถุนายน ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวของคนไทยคือ ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม

 เวลา
ประเทศรัสเซียมีความแตกต่างของเวลาระหว่างตะวันตกและตะวันออก 11 เขตเวลา โดยเวลาของกรุงมอสโกจะช้ากว่าเวลาของกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชั่วโมงในช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม และจะช้ากว่าบ้านเรา 4 ชั่วโมงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม

 ภาษา
ประเทศรัสเซียใช้ภาษารัสเซียเป็นภาษาประจำชาติ ประชาส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้สำหรับคนรัสเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีคือ คนที่ทำงานอยู่ในส่วนของโรงแรม บริษัทท่องเที่ยว ไกด์ บริษัทเอกชนของต่างชาติ พ่อค้าแม่ค้าขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยว ส่วนร้านค้า ห้างสรรพสินค้า แท็กซี่ ต่างต้องใช้คู่มือภาษารัสเซียและภาษามือเข้าช่วยในในการซื้อต่อรองราคาสินค้าต่างๆหรืออาจใช้เครื่องคิดเลขในการต่อรองกัน

 เงินตรา
รัสเซียใช้เงินสกุล รูเบิล (ruble: RUR) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 RUR เท่ากับประมาณ 1.40 บาทไทย
 ระบบไฟฟ้า
ใช้ไฟฟ้าในรัสเซียบ้านที่ 220โวลล์ เหมือนเมืองไทยแต่มีข้อแตกต่างตรงที่เครื่องไฟฟ้าทุกชนิดจะเป็นปลั๊กขากลม 2 ขาและเต้าเสียบจะเป็นรูกลม 2 รู ซึ่งขนาดของรูกลมและความกว้างระหว่างขาปลั๊กและรุเต้าเสียบจะเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทยแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในเมืองไทยบางประเภท ปลั๊กเสียบเป็นขาแบน 2 ขาฉะนั้นจะต้องใช้ ADAPTOR ต่อให้เป็นขากลม 2 ขาก่อน


ตัวอย่างปลั๊กไฟและตัวแปลงที่ใช้กับปลั๊กไฟในรัสเซีย

 ฟิลม์และกล้องถ่ายรูป
ควรเตรียมไปให้เพียงพอโดยเฉพาะฟิล์มเพราะที่ต่างประเทศราคาจะสูงมากโดยเฉพาะ ตามสถานที่ท่องเที่ยว และควรเตรียมถ่านใส่กล้องถ่ายรูปไปด้วยเพราะอากาศเย็นถ่านจะเสื่อมสภาพเร็ว

 การใช้โทรศัพท์
รหัสโทรศัพท์ของประเทศรัสเซียคือ +7 หากนักท่องเที่ยวต้องการโทรศัพท์ไปต่างประเทศ กด 8 รอสัญญาณ ตามด้วย 10 + รหัสประเทศ + รหัสเมือง + หมายเลขที่ต้องการโทรออก

 การให้ทิป
การให้ทิปในต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องสำคัญ และมารยาทของนักท่องเที่ยวควรให้ทิปสำหรับคนที่ให้บริการท่าน อาทิคนขับรถ / ไกด์ท้องถิ่น ที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่านระหว่างการเดินทาง

 อาหารการกิน
อาหารที่เป็นที่นิยมของชาวรัสเซียนจะเป็นพวก ซุปกะหล่ำแบบดั้งเดิม (Shchi) ซุปบีทรูท (Borsch) สลัดมันฝรั่ง (Stilichnii) สตูว์หมู (Azu) เนื้อตุ๋นในครีมเข้มข้น (Beef Stroganoff) ฯลฯ หรือจะไปลิ้มลองอาหารแบบคอเคซัสตามร้านอาหาร หรือภัตตาคารภายในที่พักในรัสเซียของท่านก็น่าสนใจนะคะ อาทิ อาหารจอร์เจียน อาหารอาร์เมเนียน และอาหารอัสซูเรียน (อาเซอร์ไบจัน) ที่โดดเด่นด้วยรสชาติเผ็ดร้อนแบบตะวันออก อาหารจานเด็ดของเขาได้แก่ เนื้อแกะ และ เนื้อปลาสเตอร์เจียน สำหรับอาหารแป้งประจำชาติของรัสเซียก็คือ แพนเค้ก แพนเค้กที่นี่เป็นได้ทั้งของคาวและของหวานเลย ถ้าเป็นของหวานจะมีเอกลักษณ์ตรงแป้งที่เหนียวนุ่มและมีไส้อยู่ข้างใน ซึ่งมีไส้ให้ท่านได้เลือกชิมอย่างหลากหลาย ส่วนอาหารที่แพงที่สุดของประเทศคือ คาเวียร์ หรือไข่ดำจากปลาสเตอร์เจี้ยน นิยมโปะหน้าแพนเค้ก

 รายการช้อปปิ้ง
สถานที่ช้อปปิ้งสินค้าที่ระลึกจากประเทศรัสเซียอยู่ที่ ถนนคนเดิน อารบัท สตรีท เช่น ตุ๊กตามาทรอชก้า หรือตุ๊กตาแม่ลูกดก แต่ถ้าต้องการสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังของยุโรปยี่ห้อต่างๆ ต้องไปที่ห้างสรรพสินค้ากุม (GUM)

 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
  • พระราชวังเครมลิน
  • มหาวิหารเซนต์บาซิล
  • จัตุรัสแดง
  • มหาวิหารเซ็นต์ซาเวียร์
  • ห้างสรรพสินค้ากุม (Gum)
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
  • พระราชวังฤดูร้อนปีโตรเดอร์วาเรส
  • พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจและพระราชวังฤดูหนาว
  • วิหารเซ็นไอแซค
  • โบสถ์แห่งหยดเลือด
  • โบสถ์คาซาน
  • อนุสาวรีย์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช
  • ฯลฯ
By.http://www.thaitravelcenter.com